กิจกรรม HOME ROOM

hr

ปีการศึกษา 2556 นี้ในส่วนของกิจกรรม Home room ของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ห้อง 2 ได้มีการจัดกิจกรรม 1 คน  1 สาระ รายละเอียดดังนี้

1. ครูสุ่มนักเรียนแต่ละคนไปค้นคว้าสาระ ข่าวสาร 5 หัวข้อ คือ

  • สังคม
  • เศรษฐกิจ
  • วิทยาศาสตร์
  • วิชาการ
  • สุขภาพ

2. เมื่อนักเรียนได้ค้นคว้าสาระ ข่าวสารแล้วให้สรุปโดยย่อ พร้อมเขียนชื่อเลขที่ โพสลงความเห็นในหน้านี้

3. แต่ละวันนักเรียนจะออกมานำเสนอ สาระ ข่าวสาร หน้าห้องเรียนและร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

28 ตอบกลับที่ กิจกรรม HOME ROOM

  1. warinthorn pornapichod พูดว่า:

    ผู้ปกครอง-นร.ติง ร่างกฎกระทรวงฉบับใหม่ เปิดช่อง นร.หญิงซอยผมได้ ติงเป็นการส่งเสริมให้เด็กห่วงสวย แข่งกันแต่งตัวมากไป ด้าน เลขาฯ สพฐ.แจงแค่ผ่อนคลายกติกาให้ นร.เลือกเองว่าจะไว้ผมทรงใด แต่ต้องอยู่บนความเหมาะสมและรู้จักบทบาทหน้าที่ตนเองด้วย ด้าน “พงศ์เทพ” มั่นใจตัดคำว่าห้ามนักเรียนซอยผมออกไม่น่ามีปัญหา ลั่นไม่ได้เอาใจเด็ก แค่กำลังสอนการคิดมีเหตุและผลในสังคมประชาธิปไตย
    เมื่อมีประกาศการร่างกฎกระทรวงกำหนดความประพฤติ การแต่งกายและทรงผมใหม่ ก็มีทั้งกระแสที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยของหลายภาคฝ่าย โดยผู้ที่เห็นด้วย ส่วนใหญ่จะให้เหตุผลว่า ควรให้อิสระแก่เด็ก ได้ทำทรงผมตามที่ตนชอบ และการเรียนก็คงไม่เกี่ยวข้องกับทรงผม ส่วนผู้ที่ไม่เห็นด้วยนั้นออกความเห็นว่า หากให้อิสระมากเกินไปเด็กผู้หญิงจะรักสวยรักงามมากขึ้น แล้วจะแข่งขันกันเรื่องแฟชั่นจนสนใจการเรียนน้อยลง ครูบางท่านให้ความคิดเห็นว่า ข้อเสนอใหม่นี้ทำให้ขนบธรรมเนียมที่มียาวนานหายไป และเมืองไทยก็คงยังไม่พร้อม โดยเฉพาะวิจารณญาณของเด็กนักเรียน ในเรื่องการจัดการตนเอง

    นางสาววรินทร พรอภิโชติ ชั้น ม.5/2 เลขที่ 19 หัวข้อเรื่อง “สังคม”

  2. “ยางพารากิโลละ 100”
    นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รมช.เกษตรและสหกรณ์ เผยว่า โครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตร เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง สิ้นสุดลงเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ยอมรับว่าโครงการได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เพราะช่วยแก้ไขปัญหาและสามารถผ่านช่วงราคายางตกต่ำที่เกิดขึ้นได้ โดยใช้เงิน 5000 ล้านบาทเข้าไปสนับสนุน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและเชื่อมั่นว่าตลอดระยะเวลาไม่มีการทุจริต ส่วนแนวโน้มราคายางในอนาคต คาดว่า ราคาจะปรับตัวสูงขั้นตามกลไกราคาของตลาดโลก เพราะเข้าสู่ช่วงที่ยางพาราขาดตลาด และยางอยู่ในช่วงผลิใบและฝนตกชุกมาก เกษตรกรไม่สามารถออกกรีดยางได้ และมีรายการสั่งซื้อจากต่างประเทศจำนวนมาก จึงคาดว่าราคาจัอยู่ที่กิโลกรัมละ 95-100 บาท

    นางสาวศุภิสรา สงครามศรี ชั้น ม.5/2 เลขที่ 20 หัวข้อ “เศรษฐกิจ”

  3. kruekkaluck พูดว่า:

    นำเสนอ 22 พฤษภาคม 2556

  4. นพณัฐ พันลุตัน พูดว่า:

    “แสงแดดเป็นยารักษา โรคหอบหืดหาย”
    นักวิทยาศาสตร์มหาวทิยาลัย คิงส์ คอลเลจ ชื่อดังอังกฤษ เชื่อมั่นผู้ป่วยโรคหอบหืดอาจจะมีอาการทุเลาขึ้น หากได้มีโอกาสได้ตากแดดนอนสักหน่อย
    นักวิจัยค้นพบว่าสาเหตุที่ผู้ป่วยโรคหอบหืดกำเริบเนื่องมาจากร่างกายมีโอกาสถูกแดดน้อยลง การได้รับแสงแดดช่วยให้ร่างกายสามารถสร้างวิตามินดีขึ้นมาได้ ซึ่งมีสรรพคุณช่วยระงับการพรุ่งพล่านของระบบภูมิคุ้มโรคของร่างกายลงอีกด้วย
    ศาสตราจารย์ แคเธอรีน ฮอรีโลกวิคว์ กับคณะ ศึกษาพบว่าวิตามินดีได้แสดงอิทธิฤทธิ์กับสารเคมีในร่างกายอันมีส่วนให้การอักเสบสงบลง หมอได้ศึกษาอิทธิพลของแสงแดดที่มีต่อคนไข้โรคหอบหืด ในสถานพยาบาลไปด้วย
    (หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันพฤหัสบดี ที่ 23 เดือน พฤษถาคม พ.ศ.2556 หน้า 7)

    นาย นพณัฐ พันลุตัน ชั้น ม.5/2 เลขที่ 1 หัวข้อ “วิทยาศาสตร์”

  5. Supranee Ping Leesiriroj พูดว่า:

    นายดำรงค์ จิระสุทัศน์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยการกำหนดจัดงาน “เปิดบ้านงานวิจัย กรมวิชาการเกษตร ประจำปี 2556” ขึ้น ณ กรมวิชาการเกษตรและสวนเฉลิมพระเกียรติ 55 พรรษาสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี บางเขน กรุงเทพฯ เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัยด้านพืชและเทคโนโลยีใหม่ของกรมวิชาการเกษตรสู่สาธารณชน พร้อมเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจด้านพันธุ์พืชและเทคโนโลยีการผลิตการเกษตรให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการ ขณะเดียวกันยังเป็นการผลักดันผลงานวิจัยให้นำไปใช้ประโยชน์ได้จริงในการผลิตสินค้าพืชที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และมีความปลอดภัย รวมทั้งขยายผลสู่เชิงพาณิชย์ และช่วยกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัว เพื่อเตรียมความพร้อมในการก้าวเข้าสู่เวทีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี (AEC) ในปี 2558 ในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ นิทรรศการผลงานศึกษา วิจัย ค้นคว้า และทดลองของกรมวิชาการเกษตรที่ประสบผลสำเร็จแล้ว นิทรรศการพันธุ์พืชใหม่ ทั้งยังมีนิทรรศการเปิดเกษตรไทยสู่เออีซี โดยจัดแสดงผลงานของหน่วยงานในสังกัดกรมวิชาการเกษตรที่ได้เตรียมพร้อมสนับสนุนประเทศไทยเข้าสู่เออีซี เช่น มาตรฐาน GMP ยางอัดก้อนไทยก้าวไกลสู่สากลของสถาบันวิจัยยาง, การเตรียมความพร้อมเป็นศูนย์กลางการผลิตเมล็ดพันธุ์พืชรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (Seed Hub Center) อีกทั้งยังมีนิทรรศการเห็ดวิจัยก้าวไกลสู่เออีซี, รู้ได้อย่างไรว่าเป็นพืชจีเอ็มโอ (GMOs), เทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตร และนิทรรศการสมาร์ทยีนแบงก์ สมาร์ทเออีซี (Smart Gene Bank Smart AEC) หรือธนาคารเชื้อพันธุ์พืชของสำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ
    ****ชมงาน “เปิดบ้านงานวิจัย กรมวิชา การเกษตร ประจำปี 2556” ได้ในระหว่างวันที่ 28-30 พฤษภาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น. ที่บริเวณกรมวิชาการเกษตร (ภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์) กรุงเทพฯ.
    (หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ “เปิดบ้านงานวิจัย 28-30 พ.ค.” ข่าวในวันอาทิตย์ ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ.2556)

    นางสาวสุปราณี หลี่ศิริโรจน์ ชั้น ม.5/2 เลขที่ 8 หัวข้อ “วิชาการ”

  6. สิริปราญชลี ศรีรังษ์ พูดว่า:

    “6 อาหารต้านอาการหิวบ่อย”

    เมื่อกินอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลมาก ร่างกายจะผลิตอินซูลินออกมามากเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และเมื่อระดับน้ำตาลลดลงอย่างรวดเร็ว ก็จะรู้สึกหิวอยากกินนู่นกินนี่ขั้นมา จึงมีมาแนะนำอาหารี่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินที่จะมาช่วยลดพฤติกรรมเหล่านี้
    1.ข้าวกล้องและธัญพืชไม่ขัดขาว มีโครเมียม ช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ และมีแมกนีเซีมที่ช่วย ปรับระดับอินซูลิน และวิตามินบีที่จำเป็นต่อระบบเมตาบอริซึม
    2.อาหารทะเล มีซีลีเนียม แมกนีเซียม แคลเซียม และสังกะสี ช่วยรักษาสมดุลของสารสื่อประสาท ทำให้ไม่หิวบ่อย
    3.ถั่ว มีวิตามินบีและแมกนีเซียม ช่วยปรับระดับอินซูลินและช่วยการทำงานของระบบประสาท
    4.แอปเปิ้ล มีเส้นใยอาหารมาก ทั้งชนิดที่ละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ ทานแล้วอยู่ท้อง รสชาติไม่หวานจัดและเป็นผลไม้ที่ดีต่อร่างกายทุกส่วน
    5.ลูกพรุน มีโครเมียม กินครั้งละน้อย ๆ จะช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่
    6.ลูกเกด กินเป็นของว่าง ทำให้ไม่คิดถึงขนมขบเคี้ยว ลูกเกดยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานปกติ ช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดอย่างช้า ๆ ทำให้ไม่หิวบ่อย

    นางสาวสิริปราญชลี ศรีรังษ์ ม.5/2 เลขที่ 21 หัวข้อ “สุขภาพ”
    นำเสนอ 28/05/2556

  7. Suweeraya Mekraksakit พูดว่า:

    “พบวิตามินซี ฆ่าวัณโรคดื้อยา”
    นักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเยชิวา ของสหรัฐฯกล่าวเปิดเผยว่า การค้นพบอย่างไม่คาดฝันนี้ จะทำให้ได้หนทางใหม่ที่จะรับมือกับเชื้อโรคพวกดื้อยา ซึ่งแทบจะหมดทางรักษานี้ได้ ทุกวันนี้มีคนไข้วัณโรคที่ดื้อยารักษาอยู่ทั่วโลกมากถึง 650,000 คน

    นักวิจัยชี้ว่า ที่จำเป็นจะต้องให้รู้อย่างรีบด่วน ก็คือ จะสามารถใช้วิตามินซีรักษาวัณโรคในมนุษย์ได้ผลหรือไม่ เพราะเท่าที่ได้พบในห้องทดลอง วิตามินซีทำตัวเป็นเหมือนกับ “ตัวทำให้กลับคืนสู่สภาพเดิม” ที่ไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างสารอนุมูลอิสระ และสารนี้ได้ฆ่าเชื้อวัณโรคลง “เราเพิ่งได้พบแต่ภายในหลอดทดลอง และยังไม่รู้ว่ามันจะสามารถฆ่าเชื้อโรคสายพันธุ์นี้ได้หรือไม่”.
    ที่มา : http://www.thairath.co.th วันที่ 28 May 2013 และ Health editor, BBC News online

    นางสาว สุวีรยา เมฆรักษากิจ ชั้น ม.4/2 เลขที่ 22 หัวข้อ “สุขภาพ”

  8. Pimpisa Vilepananonda พูดว่า:

    “5 อันดับคนดังที่ถึงเรียนไม่จบก็ประสบความสำเร็จได้”
    1. ริชาร์ด แบรนสัน (Richard Branson) : ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Virgin
    ด้วยภาพลักษณ์นักธุรกิจนอกกรอบ เสาะแสวงหาความท้าทาย ในการดำเนินชีวิตและธุรกิจ เลิกเรียนตั้งแต่อายุ 16 มาเอาดีด้วยการทำนิตยสารสำหรับนักเรียนเป็นธุรกิจ ค่อยๆ ขยายธุรกิจอื่นๆ มากมาย ไม่เว้นแม้แต่สายการบิน
    2. โคโค แชลแนล (CoCo Chanel) : ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Channel
    เธอเกิดมากำพร้า เริ่มอาชีพเป็นเพียงช่างเย็บผ้า ในยุคที่สตรีต้องตัดชุดสตรีเท่านั้น แชนแนลผลักดันตัวเองอย่างกล้าหาญด้วยการออกแบบเสื้อผ้าสำหรับผู้ชาย ด้วยความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบและผสมผสานเนื้อผ้า สร้างเอกลักษณ์ให้ผลงานของเธอ แต่ที่สร้างชื่อให้เธอเป็นที่จดจำตลอดกาลคือ คือ น้ำหอม แชนแนลหมายเลข 5 อันโด่งดังนั่นเอง
    3. ไมเคิล เดลล์ (Michael Dell) : ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Dell
    ไปไหนก็จะเห็นคอมพิวเตอร์-โน้ทบุ๊คยี่ห้อ Dell กันใช่ไหม ผู้ก่อตั้งคือ ไมเคิล เดลล์ เขาหยุดเรียนตั้งแต่อายุ 19 มาก่อตั้งบริษัท PC’s Limited ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Dell, Inc และผันตัวเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ประสบความสำเร็จ มากที่สุดในโลก ในปี 1996 เดลล์ได้มอบทุนให้มหาลัยเทกซัสจำนวน 50 ล้านเหรียญ (ราวๆ 2,000 ล้านบาท) เพื่อยกระดับสุขภาพและการศึกษาของเยาวชน
    4.เลดี้ กาก้า (Lady Gaga) : นักร้องซุปเปอร์สตาร์ หลุดโลก
    เธอหัดเปียโนตั้งแต่อายุ 4 ขวบ เริ่มเขียนโน้ตเปียโนตอน 13 พออายุ 17 ปีก็แต่งเพลงเอง จนกระทั่งปีสองเทอมสอง เธอหยุดเรียนและหันไปเอาดีในอาชีพดนตรี ด้วยเงินเพียงน้อยนิด จนประสบความสำเร็จในชื่อ “เลดี้ กาก้า” ที่ทั้งโลกรู้จัก ชื่อที่ผันมาจากชื่อเพลง “เรดิโอ กา ก้า”
    5. เจมส์ คาเมรอน (James Cameron) : ผู้กำกับระดับออสการ์
    เขาหยุดเรียนตอนปี 2 ไปทำงานรับจ้างทั่วไป ทั้งขับรถบรรทุกและงานเขียน ระหว่างนั้นก็พยายามเรียนด้าน สเปเชียล เอฟเฟค ด้วยตนเอง จากวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาในห้องสมุด หลังจากดูหนัง สตาร์วอร์ จึงเลิกขับรถบรรทุก ไปหางานในวงการภาพยนตร์ทำ จากงานผู้ช่วย ก็ผันมาเป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานที่กลายเป็นตำนาน อย่าง คนเหล็ก 2, ไททานิค และ ภาพยนตร์ 3D สุดอลังการอย่าง อวาตาร

  9. น.ส.พิชชาภรณ์ โยชนะ พูดว่า:

    นายสุชาติ สินรัตน์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาไข่คละหน้าฟาร์มยังอยู่ที่ฟองละ 3.20 บาท และราคาขายปลีกไข่ไก่เบอร์ 3 สู่ผู้บริโภคตามท้องตลาดทั่วไปยังอยู่ที่ไม่เกินฟองละ 3.50-3.60 บาท จึงยืนยันว่าไม่ได้มีการปรับขึ้นราคาตามกระแสข่าวว่ากลุ่มผู้เลี้ยงไข่ไก่ภาคกลางจะขึ้นราคาเป็นฟองละ 3.90 บาทแต่อย่างใด แต่กรมจะส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบสถานการณ์ไข่ไก่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดจากการตรวจสอบฟาร์มเลี้ยงไก่ พบว่าปัญหาราคาไข่ไก่แพงเริ่มคลี่คลายลง เพราะผลผลิตไข่ไก่เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แม่ไก่สามารถให้ผลผลิตได้แล้วกว่า 80%
    อย่างไรก็ตามหากประชาชนรายใดซื้อไข่ไก่แพงกว่าราคาดังกล่าว ก็ให้แจ้งมายังสายด่วน 1569 กรมจะส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบแผงค้าให้มีการปิดป้ายแสดงราคาชัดเจน และหากมีการขายราคาสูงเกินจริง ผู้ค้าก็ต้องชี้แจงเหตุผล หากไม่มีเหตุผลสมควรในการปรับขึ้นราคา กรมจะใช้มาตรการกฎหมายเข้าจัดการตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    “ข่าวที่มีการปรับขึ้นราคาไข่เบอร์ 3 เป็น 3.90 บาท ไม่น่าจะเป็นความจริง เพราะการตรวจสอบก็ไม่พบการปรับขึ้นราคาดังกล่าว อีกทั้งแนวโน้มผลผลิตไข่ไก่ตอนนี้ก็ปรับตัวดีขึ้น มีผลผลิตต่อวัน 35-36 ล้านฟอง ใกล้เคียงกับความต้องการบริโภควันละ 36-37 ล้านฟอง”
    ก่อนหน้านี้ น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า แนวโน้มไข่ไก่น่าจะปรับลดลง เพราะเดือนมิ.ย.56 ประเมินว่าจะมีแม่ไก่ยืนกรงที่กำลังเติบโตเข้าสู่ระบบเพิ่ม ประกอบกับเข้าสู่ฤดูฝนอากาศเย็นลงทำให้แม่ไก่ออกไข่ได้เพิ่ม ส่งผลให้ผลผลิตไข่ไก่จะออกสู่ตลาดเพิ่มจากวันละ 36-37 ล้านฟอง เป็น 40-41 ล้านฟอง หรือสูงเกินความต้องการบริโภคถึงวันละ 4 ล้านฟอง
    (หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันอังคารที่ 28 พฤษภาคม 2556)
    น.ส.พิชชาภรณ์ โยชนะ ม.5/2 เลขที่ 15 หัวข้อ “เศรฐกิจ”

  10. วรรณมณีการ บุญปั๋น พูดว่า:

    ฝึกหนูแอฟริกาช่วยดมหาเชื้อวัณโรคในโมซัมบิก

    กลุ่มเอ็นจีโอ อะโปโป ของเบลเยียม ฝึกกองทัพหนูให้ช่วยดมกลิ่นหาผู้ที่คาดว่าจะติดเชื้อวัณโรคในโมซัมบิก เผยหนูยักษ์แอฟริกามีจมูกสัมผัสไวต่อกลิ่น ภายหลังแทนซาเนีย ประเทศเพื่อบ้านดำเนินการเรื่องนี้ ประสบความสำเร็จ

    ทั้งนี้เมื่อ 6 ปีก่อน เคยฝึกหนูแอฟริกา ให้ดมหากับระเบิดที่ซุกซ่อนในช่วงสงครามกลางเมืองโมซัมบิก จนสามารถปลดกู้ระเบิด จากที่เคยต้องใช้เวลานานถึง 2 วัน เหลือแค่ 30 นาที ขณะที่ชาวโมซัมบิกเฉลี่ยติดเชื้อวัณโรค อยู่ที่ 6 ต่อ 1,000 คน ซึ่งครึ่งหนึ่งตรวจแบบทั่วไปหาเชื้อไม่เจอ

    นส.วรรณมณีการ บุญปั๋น เลขที่ 17 ม.5/2 หัวข้อ วิทยาศาสตร์

  11. นางสาววรินดา สะสม พูดว่า:

    แพทย์ไม่แนะตัดเต้าทิ้ง ตาม’แองเจลิน่า โจลี่’
    กลุ่มมะเร็งเต้านม สถานีวิทยามะเร็งศิริราช ร่วมกับ สาขาวิชาศัลยศาสตร์ศรีษะ-คอและเต้านม ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จัดเสวนาวิชาการ “การตรวจเพื่อทำนายมะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่ แนวทางการักษา” โดยถอดบทเรียนจาก แองเจลิน่า โจลี่ ที่ตัดสินใจผ่าตัดเต้านมออกทั้งสองข้าง เนื่องจากพบว่าตนเองมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมในอนาคต ซึ่งก่อให้เกิดความสนใจอย่างแพร่หลายทั่วโลก เกี่ยวกับมะเร็งเต้านมและมะเร็งที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม

    นพ.วิษณุ โล่สิริรัตน์ ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช กล่าวว่า การสร้างเต้านมเทียมจะมี 2 วิธีคือการใช้เนื้อเยื่อของร่างกายส่วนอื่นๆ กับการใช้เต้านมเทียม โดยสามารถทำร่วมกับการผ่าตัดตัดเต้านมได้เลย หรือจะรอทำหลังการผ่าตัด และได้รับการรักษาโรคมะเร็งจนแน่ใจแล้วก็ได้ อย่างไรก็ตามแพทย์ไม่แนะนำให้ตัดเต้านมทิ้งเพื่อป้องกันการเกิดโรคมะเร็งในอนาคต เพราะถึงแม้จะสามารถสร้างเต้านมใหม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติ ส่วนกรณีผู้หญิงที่เคยผ่านการศัลยกรรมเต้านมเพื่อความงามมาแล้วนั้น ก็ยังสามารถทำการตรวจหาโรคได้ตามปกติ โดยให้ผลที่แม่นยำเช่นเดิม
    ด้านพญ.สุวนิตย์ ธีระศักดิ์วิชยา ภาควิชาสูติศาสตร์ – นารีเวชวิทยา กล่าวว่า ผู้ที่มีการกลายพันธุของยีนบีอาร์ซีเอ 1 และ บีอาร์ซีเอ 2 เสี่ยงเป็นโรคมะเร็งรังไข่สูงกว่าคนปกติ 10 เท่า ประมาณ 3% เกิดในผู้ที่มีอายุน้อย ทั้งนี้มะเร็งชนิดนี้รักษายาก ยังไม่มีวิธีการคัดกรอง ถึงแม้จะรักษาด้วยการผ่าตัดรังไข่แล้ว แต่ก็สามารถเกิดมะเร็งชนิดอื่นได้เพราะมีเยื่อบุผิงหนังจำนวนมาก ทั้งนี้หากตัดรังไข่ออกจะเกี่ยวพันกับฮอร์โมน ดังนั้นจะทำให้เกิดภาวะเข้าสู่วัยทองเร็วกว่าปกติ ผมร่วงง่าย ผิวหนังเหี่ยว อารมณ์แปรปรวน ความจำไม่ค่อยดี กระดูกเสียหาย ไขมันแปรปรวน เพราะฉะนั้น ก่อนตัดสินใจตัดรังไข่ทิ้งจะต้องได้รับคำแนะนำจากอายุรแพทย์ สูตินารีแพทย์ จิตแพทย์ และศัลยแพทย์ ก่อน

    น.ส.วรินดา สะสม ม. 5/2 เลขที่ 18 (วิชาการ)

  12. วิศรุต หงษ์แก้ว พูดว่า:

    ค้นพบอุโมงค์ย้อนเวลาในกุ้ยโจว ประเทศจีน ย้อนเวลากลับไปได้ 1 ชั่วโมง โดยพิสูจน์แล้วจากโทรศัพท์ 8 ใน 10 เครื่องที่มีการย้อนเวลาจริง ๆ

    เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เว็บไซต์ยูเอฟโอ ไซทิง ฮอทสปอท มีรายงานเรื่องราวอันน่าอัศจรรย์ของอุโมงค์ย้อนเวลาที่สามารถทำให้เวลาในโทรศัพท์มือถือของเราเดินถอยหลังกลับไปเป็นเวลา 1 ชั่วโมง หลังจากที่ขับรถลอดไปโผล่ยังอีกด้านหนึ่งของอุโมงค์

    โดยอุโมงค์ซึ่งถูกคนท้องถิ่นเรียกกว่า “อุโมงค์แห่งกาลเวลา” แห่งเมืองกุ้ยโจว ประเทศจีน เพิ่งจะถูกสร้างขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ แต่เป็นที่น่าแปลกที่มีการค้นพบในเวลาต่อมาว่า มันสามารถย้อนเวลาในโทรศัพท์มือถือของผู้ที่ขับรถลอดผ่านอุโมงค์ยาว 400 เมตร นี้ได้เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ก่อนที่เวลาเหล่านั้นจะกลับมาเดินอย่างถูกต้องอีกครั้ง เมื่อขับรถออกจากอุโมงค์ไปได้สักกิโลเมตรหนึ่ง

    จากคำเล่าลือของอุโมงค์มหัศจรรย์แห่งนี้ ทำให้นักหนังสือพิมพ์รายหนึ่งของจีนได้เดินทางไปทำการพิสูจน์เรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งมันก็ได้พิสูจน์ให้เขาเห็นแล้วว่าคำเล่าลือดังกล่าวเป็นเรื่องจริง เพราะอุโมงค์แห่งกาลเวลา ได้ทำให้เวลาในโทรศัพท์มือถือทั้ง 8 เครื่อง จากที่ใช้ทดลองทั้งหมด 10 เครื่อง เดินถอยหลังไปเป็นเวลา 1 ชั่วโมงจริง ๆ โดยหลังจากที่ขับรถเข้าอุโมงค์ในเวลา 9.00 น. และออกมาในเวลา 9.05 น. แต่เวลาที่ปรากฏบนโทรศัพท์นั้นกลับกลายเป็น 8.05 น.

    ที่มา หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน พ.ศ.2556

    นายวิศรุต หงษ์แก้ว ม.5/2 เลขที่ 6 (สังคม)

  13. ชาวนาสุดเซ็ง “หนอนกระทู้” ระบาด

    เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหนอนกระทู้ยังคงระบาดหนักกัดกินต้นข้าวของชาวนาบ้านบึ้ง ต.ตรมไพร อ.ศีษรภูมิ จ.สุรินทร์ เสียหายนับ 1000 ไร่ เพราะ หนอนกระทู้กำลังระบาดเกาะกินต้นข้าวที่เพิ่งปลูกใหม่ กำลังเติบโต จนเหลือแต่ตอต้นข้าว โดยในแปลงนามีตัวหนอนๆนับแสนๆตัวลงกัดกินลำต้นโดยเฉพาะในช่วงกลางคืน หนอนกระทู้จะลงกัดกินยอดต้นข้าวที่กำลังงอกงาม พอรุ้งเช้าต้นข้าวจะเหลือแต่ตอ บางคนต้องลงทุนไถกลบต้นข้าวทิ้ง เพื่อให้หนอนกระทู้ตายและเพาะปลูกใหม่ แต่ไม่สามารถฆ่าหนอนกระทู้ให้ตายได้ เนื่องจากหนอนกระทู้ได้วางไข่ และแตกตัวเป็นหนอนออกมากัดกินต้นข้าวจำนวนมาก

    นายสุชาติ สุขดี ผู้ใหญ่บ้านบึ้ง กล่าวว่า ปีนี้ชาวนาทำนาด้วยความยากลำบาก หลายคนต้องลงทุนใช้รถไถต้นข้าวทิ้ง และหว่านข้าวใหม่ ด้วยหวังว่าขะฆ่าหนอนกระทู้ให้ตายไปด้วย แต่หนอนกระทู้ยังมีการแพร่ระบาดมาอีก เพราะ ได้วางไข่ในแปลงนา โดยหนอนกระทู้ตัวโตจะมีอายุ 3 สัปดาห์ ก็จะตาย แต่ตัวใหม่ก็ออกมาระบาดอีก ขณะนี้ ได้สำรวจความเสียหายของแปลงนาปลูกข้าวหอมมะลิถูกหนอนกระทู้กินต้นข้าวเสียหายไปแล้ว 1630 ไร่ และยังมีอีก 2 หมู่บ้าน กำลังสำรวจความเสียหาย คาดว่าไม่น้อยกว่า 4000 ไร่ นาข้าวเสียหายสิ้นเชิงจึงฝากให้หน่วยงานรัฐมาดูแลด้วย เพราะชาวนาหมดตัวแล้ว

    นายธนานันท์ หอมนาน ม.5/2 เลขที่ 4 (ข่าวเศรษฐกิจ)

  14. Prachnicha Supanont พูดว่า:

    น้ำบนโลกมาจากไหน? นักวิทยาศาสตร์พยายามหาคำตอบเพื่อไขปริศนาการก่อตัวของโลกและดวงจันทร์
    รายงานชิ้นใหม่ของนักวิจัยที่มหาวิทยาลัย Brown ในสหรัฐซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Science เปิดเผยสมมติฐานใหม่ว่าจริงๆแล้วน้ำบนโลกและบนดวงจันทร์อาจมีที่มาจากแหล่งเดียวกัน ซึ่งการไขปริศนาเรื่องนี้อาจนำไปสู่ทฤษฎีใหม่ๆเกี่ยวกับการก่อกำเนิดของดาวเคราะห์ดวงต่างๆ แรกเริ่มเดิมทีนั้น นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าดวงจันทร์เกิดขึ้นจากดาวเคราะห์ขนาดประมาณดาวอังคารพุ่งชนโลกเมื่อราว 4,500 ล้านปีก่อน ทำให้เกิดชิ้นส่วนเล็กๆแตกออกมาแล้วหลอมละลายกลายเป็นดวงจันทร์โคจรอยู่รอบโลก ซึ่งปฏิกิริยาดังกล่าวทำให้เกิดความร้อนมหาศาลบนดวงจันทร์ที่เพิ่งเกิดใหม่ จนเผาไหม้สสารต่างๆหลอมละลายและก่อตัวเป็นน้ำขึ้นมาก่อนที่จะแห้งไป แต่ภายใต้สมมติฐานใหม่ที่นักธรณีวิทยา Alberto Saal และเพื่อนร่วมงานที่มหาวิทยาลัย Brown ใช้เวลาศึกษาราว 5 ปีและเพิ่งเปิดเผยในวารสาร Science เมื่อเร็วๆนี้ระบุว่า จากการใช้เทคโนโลยีแบบใหม่ศึกษาตัวอย่างหินที่นักบินอวกาศของยานอพอลโล่เก็บมาจากดวงจันทร์เมื่อราว 40 ปีก่อน พบหลักฐานว่ามีส่วนประกอบของน้ำปรากฎอยู่ในหินภูเขาไฟจากดวงจันทร์ นักวิจัย Alberto Saal อธิบายว่าหลักฐานชิ้นแรกที่พบคือส่วนประกอบของน้ำในหินที่เชื่อว่ามาจากพื้นผิวชั้นในของดวงจันทร์ จึงเป็นไปได้ว่าผิวชั้นในของดวงจันทร์น่าจะเคยมีน้ำประกอบอยู่ โดยเมื่อ 2 ปีก่อนนักวิจัยกลุ่มนี้รายงานว่า ร่องรอยทางเคมีของน้ำที่พบในหินจากดวงจันทร์มีลักษณะคล้ายกับร่องรอยทางเคมีที่พบในหินที่มาจากผิวชั้นในของโลก จึงมีความเป็นไปได้ที่น้ำบนดวงจันทร์น่าจะมาจากแหล่งกำเนิดเดียวกันกับน้ำที่อยู่บนโลก คำถามสำคัญคือแหล่งกำเนิดน้ำคืออะไร และน้ำไปอยู่บนดวงจันทร์ได้อย่างไร นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า 98% ของน้ำที่อยู่บนพื้นโลกในช่วงที่โลกเพิ่งก่อตัวใหม่ๆนั้น มาจากอุกกาบาตที่มีน้ำแข็งเกาะติดอยู่ ซึ่งเป็นอุกกาบาตที่เกิดในช่วงการก่อกำเนิดของระบบสุริยจักรวาลและเชื่อว่าพุ่งชนโลกเมื่อราว 4,500 ล้านปีที่แล้ว รายงานชิ้นนี้จึงตั้งสมมติฐานว่าโลกอาจจะก่อกำเนิดและวิวัฒนาการมาโดยมีน้ำที่มาจากอุกกาบาตเป็นส่วนประกอบตั้งแต่ช่วงแรกๆ และน้ำนั้นยังติดไปกับชิ้นส่วนที่หลุดออกไปจากแรงกระแทกของอุกกาบาตก่อนที่จะหลอมละลายกลายเป็นดวงจันทร์ แต่สิ่งที่นักวิจัยยังหาคำตอบไม่ได้คือ ทำไมน้ำเหล่านั้นจึงไม่ระเหยไปในอวกาศแต่กลับติดไปกับดวงจันทร์ งานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Brown ชิ้นนี้ช่วยอธิบายถึงการก่อกำเนิดของดาวเคราะห์ดวงอื่นๆเช่น ดาวอังคารและดาวศุกร์ เพราะก่อนหน้านี้แทบไม่เคยมีการศึกษามาก่อนว่าอาจมีน้ำเป็นส่วนประกอบระหว่างการก่อตัวของดาวเคราะห์ต่างๆ จนกระทั่งพบน้ำในหินจากดวงจันทร์ ซึ่งทำให้นักวิจัยสรุปได้ว่า ดวงจันทร์ก็คือซากฟอสซิลที่บันทึกประวัติการก่อกำเนิดของโลกเอาไว้

    จันทร์ 27 พฤษภาคม 2013

    นางสาวปราชญ์ณิชา สุภานนท์ เลขที่ 13 ม.5/2 (วิทยาศาสตร์)

  15. นส.พัชรีภรณ์ ต๊ะ่อุ่น พูดว่า:

    นางสาวพัชรีภรณ์ ต๊ะอุ่น ม.5/2 เลขที่ 14ข่าววิชาการ
    อึ้ง! อาหารขายในไทย 1 ใน 3 ไม่ปลอดภัย แฉภาคอุตฯเติมสารเกินมาตรฐานเพียบ

    นายพชร แกล้วกล้า ฝ่ายสนับสนุนองค์กรผู้บริโภคและพัฒนานโยบาย มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวอภิปรายเรื่อง “ความไม่ปลอดภัยของอาหารจากอุตสาหกรรมอาหาร” ในหัวข้อ 9 สถานการณ์เด่นด้านความมั่นคงทางอาหารของประเทศไทย ในงานสมัชชาวิชาการความมั่นคงทางอาหาร ประจำปี 2556 การปกป้องพื้นที่ผลิตอาหารเพื่อความมั่นคงทางอาหารของประเทศและชุมชน ว่า ปัจจุบัน พบว่า 1 ใน 3 ของอาหารที่จำหน่ายในประเทศไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะอาหารที่ผลิตจากภาคอุตสาหกรรมที่การผลิตจากเนื้อสัตว์ หรือเนื้อสัตว์แปรรูป มีความเสี่ยงได้รับสารกันบูด สี บอแรกซ์ และฟอร์มาลิน ขณะที่อาหารแห้งก็มีความเสี่ยงได้รับสารฟอกขาว สี ยาฆ่าแมลง ส่วนผัก ผลไม้ก็เสี่ยงต่อการได้รับสารตกค้างจากยาฆ่าแมลงและสารกำจัดศัตรูพืช สังเกตได้เลยว่าปัจจุบันจะมีข่าวรับประทานอาหารที่มีปัญหา อาหารเป็นพิษทุกเดือน

    นายพชร กล่าวด้วยว่า ตัวอย่างของอุตสาหกรรมอาหารที่ทำให้อาหารไม่ปลอดภัย เช่น สารกันบูดในขนมปัง จากการสำรวจของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและนิตยสารฉลาดซื้อ พบว่า ขนมปังที่ขายตามร้านสะดวกซื้อ 1 ใน 3 มีสารกันบูดเกินค่ามาตรฐาน ผลิตภัณฑ์ชาเขียวพร้อมดื่ม มีความเสี่ยงได้กาเฟอีนและน้ำตาลมากจนเกินไป เป็นเรื่องของโภชนาการที่ไม่เหมาะสม ขณะที่ 2 ใน 3 ของอาหารแช่แข็ง มีการแสดงฉลากชื่ออาหารที่ทำให้สับสน ไม่สอดคล้องกับส่วนประกอบ และมีการโฆษณาผิดกฎหมาย โอ้อวดสรรพคุณให้เข้าใจผิดจากความเป็นอาหารมีสูงร้อยละ 96 โดยพบว่า ข้าวเหนียวหมูย่างแช่แข็ง ที่ฉลากระบุว่ามีไก่เป็นส่วนผสมด้วย ส่วนขนมเด็กก็พบว่าเป็นเลข อย.ปลอม หรือฉลากระบุว่าใช้แป้งข้าวโพดดัดแปรพันธุกรรม เป็นต้น

    “การซื้ออาหารรับประทานถือว่าเป็นการวัดดวง เพราะ 1 ใน 3 คืออาหารไม่ปลอดภัย วิธีการป้องกันที่ดีที่สุด คือการอ่านฉลากก่อนซื้อทุกครั้ง หากไม่แน่ใจก็ไม่ควรซื้อมารับประทานโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ การจำหน่ายสินค้าหมดอายุกลายเป็นเรื่องปกติ หาความรับผิดชอบจากผู้ประกอบการได้ยาก” นายพชร กล่าว

    นายพชร กล่าวว่า อาหารไม่ปลอดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 มี 4 ประเภท คือ 1.อาหารไม่บริสุทธิ์ คือ อาหารที่มีสิ่งที่น่าจะเป็นอันตราย มีสารเคมี วัตถุเจือเคมีปนในอาหาร ส่งผลให้คุณภาพอาหารลดลง ยกเว้นได้รับอนุญาตจากพนักเจ้าหน้าที่ รวมไปถึงการผลิต บรรจุ และเก็บรักษาอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ 2.อาหารปลอม คือ อาหารที่มีการสับเปลี่ยนวัสดุอื่นแทนวัตถุดิบบางส่วน มีการคัดแยกวัตถุที่มีคุณค่าออก 3.อาหารผิดมาตรฐาน คือ อาหารที่ไม่ถูกต้องตามคุณภาพหรือมาตรฐาน เช่น การมีสารเคมีตกค้างในผักและผลไม้ น้ำมันมีสารโพลาร์เกินค่ามาตรฐาน มีการใส่สารกันบูดเกินมาตรฐานในไส้กรอก เป็นต้น และ 4.อาหารอื่นที่รัฐมนตรีกำหนด เช่น ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประกาศว่า ชาเจสัน เป็นอาหารไม่ปลอดภัย เป็นต้น โดยความเสี่ยงที่ทำให้อาหารไม่ปลอดภัยมีทั้งด้านกายภาพ เคมี ชีวภาพ และโภชนาการที่ไม่เหมาะสม
    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000073055

  16. กนลรัตน์ สี่สวัสดิ์ พูดว่า:

    อันตรายจากกล่องโฟม
    หลายคนคงเคยชินกับการรับประทานอาหารแบบใส่กล่องโฟม เพราะสะดวก รวดเร็ว กินที่ไหนก็ได้ ประหยัดเวลาทำอาหาร และที่สำคัญทานเสร็จก็ไม่ต้องล้างอีกด้วย แต่เพื่อน ๆ เชื่อหรือไม่คะว่า ท่ามกลางความสะดวกสบาย กล่องโฟมก็แฝงไปด้วยภัยร้ายที่อาจคร่าชีวิตคุณได้ในที่สุด

    โดย นพ.วีรฉัตร กิตติรัตนไพบูลย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านบรรจุภัณฑ์ บริษัทบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม ได้ให้ความรู้ว่า กล่องโฟมที่ใช้ตามท้องตลาดทั่วไป (Styrofoam) เป็นของเสียเหลือทิ้งสีดำ ๆ จากกระบวนการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ประกอบด้วยสารสไตรีน (Styrene) มีโครงสร้างโมเลกุลคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ในเพศหญิง

    อาหารตามสั่งที่บรรจุกล่องโฟม จึงเป็นแหล่งสะสมสารสไตรีน ซึ่งเป็นสารที่ออกฤทธิ์ทำให้สมองมึนงง สมองเสื่อมง่ายหงุดหงิดง่าย มีผลทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ และเป็นสารก่อมะเร็งอีก 3 ชนิด ถ้าเป็นผู้ชายรับประทานเข้าไปมาก ๆ มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ขณะที่ผู้หญิงมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านม และทั้งสองเพศมีโอกาสสูงต่อการเป็นมะเร็งตับ แม้จะไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำก็ตาม

    สำหรับสไตรีน ถือเป็นสารอันตรายที่สหรัฐฯ เพิ่งประกาศขึ้นบัญชีสารก่อมะเร็ง หญิงมีครรภ์ที่รับประทานอาหารบรรจุในกล่องโฟม ลูกมีโอกาสสมองเสื่อมเป็นเอ๋อ อวัยวะบางส่วนพิการ ส่วนคนทั่วไปถ้ารับประทานอาหารกล่องโฟมทุกวัน วันละอย่างน้อย 1 มื้อ ติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งสูงกว่าคนปกติถึง 6 เท่า ทั้งนี้ ผู้บริโภคมีโอกาสได้รับสารสไตรีนในกล่องโฟมได้ง่ายถึง 5 ปัจจัยได้แก่

    1. อุณหภูมิที่ร้อนขึ้นหรือเย็นลง ทำให้สไตรีนซึมเข้าสู่อาหารได้สูง

    2. ถ้าปรุงอาหารโดยใส่น้ำมัน น้ำส้มสายชูแอลกอฮอล์ จะดูดสารสไตรีนจากกล่องโฟมได้มากกว่าปกติ

    3. ถ้าซื้ออาหารใส่กล่องทิ้งไว้นาน ๆ ไม่ได้รับประทาน อาหารจะดูดสารสไตรีนได้มาก

    4. ถ้านำอาหารที่บรรจุโฟมเข้าไมโครเวฟ สไตรีนจะไหลออกมาในปริมาณมาก

    5. ถ้าอาหารสัมผัสพื้นที่ผิวกล่องโฟมมาก ๆ รวมถึงร้านไหนตัดถุงพลาสติกใสรองอาหาร ขอบอกว่าได้รับสารก่อมะเร็ง 2 เด้ง ทั้งสไตรีนและไดออกซินจากถุงพลาสติกเลยทีเดียว

    นพ.วีรฉัตร กล่าวเตือนด้วยว่า อาหารตามสั่งหรือข้าวราดแกงกับไข่ดาวหรือไข่เจียวร้อน ๆ อาจจะไปละลายผนังกล่องโฟม เสมือนรับประทานอาหารคลุกสไตรีนไปด้วย ถึงกระนั้นไข่ดิบที่วางขายในแผงไข่พลาสติก สารสไตรีนมีโอกาสวิ่งเข้าในเปลือกไข่ได้เช่นกัน ถ้าเลือกไข่ดิบควรเลือกซื้อจากแผงไข่กระดาษจะปลอดภัยที่สุด

    จากhttp://health.kapook.com/view55910.html

  17. Gumbie Thestar พูดว่า:

    ชีวิตลั้นลา พาหลงนิพพาน? “หลวงปู่เณรคำ”..อรหันต์จริงหรือลวงโลก
    เมื่อไม่นานมานี้ กับปรากฏการณ์ที่สร้างความฮือฮาในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก สั่นสะเทือนไปถึงวงการศาสนา สำหรับกรณีของพระในวัย 30 กว่าที่อ้างว่าเป็นหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ซึ่งมีภาพถ่ายในอิริยาบถต่าง ๆ ว่อนเน็ต เช่น ชูสองนิ้วในศูนย์การค้า นั่งแชะภาพอยู่บนเครื่องบินส่วนตัว ใส่แว่นดำเรย์แบน มีกระเป๋าหลุยส์อยู่ข้างๆ ส่วนภาพที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักสุด เห็นจะเป็นภาพหน้าคล้ายที่นอนกับสีกา
    ภาพเหล่านี้ ทำให้พุทธศาสนิกชนหลาย ๆ คนเคลือบแคลงใจ และตั้งคำถามว่า นี่หรือคือพระสงฆ์ที่อ้างตนว่า “มีสมาธิจิตสูงถึงระดับฌาน 8” เนื่องจากพฤติกรรมที่แสดงออกมาค่อนข้างขัดแย้ง โดยเฉพาะการยึดติดในตัววัตถุ สิ่งของ ทั้ง ๆ ที่ตามหลักความเป็นจริงในทางพระพุทธศาสนาแล้ว ควรมุ่งสู่ความหลุดพ้น และปล่อยวางไม่ใช่หรือ
    สำหรับประวัติของพระชื่อดังที่เป็นข่าว บวชเณรตั้งแต่อายุ 12 แล้วปฏิบัติทางสมาธิภาวนาแบบอุกฤษฏ์คือยอมตายถ้าไม่บรรลุธรรม จนมีสมาธิจิตสูงถึงระดับฌาณ 8 มีฤทธิ์อภิญญา ขณะนี้ท่านอายุเพียง 30 ปีเศษเท่านั้น แต่ที่ท่านเรียกตัวเองว่า หลวงปู่เพราะรวมกับอายุในชาติที่แล้วท่านระลึกชาติได้หลายแสนชาติ เห็นนรก เห็นเทวดาและองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอรหันต์ต่างๆ ช่วงที่ธุดงค์อยู่ตามป่าตามถ้ำก็ได้สัมผัสกับผี เปรต พญานาค เทวดามากมาย ครั้งหนึ่งปฏิบัติธรรมอยู่บนยอดเขา ก็มีภิกษุชรารูปหนึ่งเดินขึ้นมาสอนธรรมะ การเดินจงกรม การพิจารณาข้อธรรมให้ท่านบ่อยๆ ท่านถามว่าเป็นใคร ภิกษุรูปนั้นก็ไม่ตอบ ต่อมาเมื่อท่านลงจากเขาจึงเห็นรูปภิกษุนั้นในวัดแห่งหนึ่ง จึงทราบว่าเป็นพระอาจารย์..ที่ละสังขารไปเพราะเครื่องบินตกเมื่อปี 2518
    หลวงปู่ได้ใช้กรรมที่ท่านทำไว้ในอดีตชาติ เคยทำไม่ดีไว้กับภรรยาท่าน ชาตินี้ภรรยาเกิดเป็นงูเห่าคอยแก้แค้น ท่านรู้และยอมใช้กรรม วันหนึ่งท่านยืนสมาธิอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง งูเห่าตัวนี้ก็ฉกเข้าที่ขา พิษแปลบเข้าหัวใจ ท่านนั่งสมาธิอยู่ 3 วัน ยอมตาย แต่ก็ไม่ตาย พิษงูไม่อาจทำร้ายท่านได้
    อดีตชาติหนึ่ง เคยจับเพื่อนมัดรอบตัวหวังให้ตาย แต่เกิดความสงสารเลยปล่อยไป ชาตินี้เพื่อนเกิดเป็นงูเหลือม ท่านรู้และขอชดใช้กรรม นั่งสมาธิอยู่ งูเหลือมก็เข้ามารัดกายท่านจนหายใจไม่ออก ท่านนึกถึงพระพุทธเจ้าและขอใช้กรรมให้งู แต่งูก็คลายแล้วเลื้อยหนีไป ไม่ตายอีก
    วันหนึ่งท้าวสักกะพระอินทร์มาหาท่าน บอกให้ท่านสร้างพระแก้วมรกตองค์ใหญ่เพื่อแก้ไขโลกให้พ้นจากเหตุเลวร้ายทั้งมวล ขณะนี้หลวงปูเณรคำสร้างพระแก้วมรกตที่ใหญ่ที่สุดขึ้นมาแล้ว หน้าตัก 15 เมตร สูง 18.5 เมตร ผิวกายเคลือบด้วยหยกเขียว เครื่องศิราภรณ์และเครื่องทรงใช้ทองคำหนัก 9 ตันเศษ รูปองค์พระเสร็จแล้วเหลือแต่เครื่องประดับ เมื่อเสร็จจะเป็นพระแก้วมรกตที่ใหญ่ที่สุดในโลก สุกสกาวด้วยทองคำเหลืองอร่าม ใช้งบ 1,500 ล้านบาท ท่านผู้ใจบุญทั้งหลายร่วมทำบุญกับท่านจะได้ผลบุญมหาศาล หนึ่งทำบุญสร้างพระก็เป็นกุศลใหญ่ สองทำกับพระปฏิบัติดีผลบุญไม่ตกหล่น ได้เต็มเปี่ยม
    หลวงปู่เณรคำ พระเซเลบฯ แห่งยุค
    หลวงปู่พุทธอิสระ ได้โทรศัพท์พูดคุยกับ นางสุนันทา ลีเลิศพันธ์ เจ้าของผลิตภัณฑ์ตราดอกบัวคู่ โดยมีสื่อมวลชนบันทึกภาพและเสียงระหว่างการสนทนากับนางสุนันทา เกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมหลายประการ โดย นางสุนันทา รับว่า เคยบริจาคทรัพย์จำนวนมากให้หลวงปู่เณรคำ และมีการนิมนต์ไปบ้าน ไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน และที่สำคัญ มีการจ่ายเช็คเงินสดค่าเครื่องบินลำเล็กที่ซื้อกับหมอเบิร์ด ที่ประเทศมาเลเซีย มูลค่า 17 ล้านบาท ส่วนเครื่องบินลำใหญ่ซื้อที่ไหนไม่รู้ และมีการเจรจาดูโบชัวร์เฮลิคอปเตอร์ มูลค่า 80 ล้านบาท ที่บ้านของนางสุนันทาด้วย โดยอ้างว่าซื้อเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ไว้ใช้เป็นยานพาหนะ ถ้าไม่ได้เดินทางไปไหนก็ให้คนอื่นเช่าได้ และครอบครัวเคยเดินทางไปเที่ยวฝรั่งเศสกับหลวงปู่เณรคำ และลูกสาวของตนซื้อกระเป๋าหลุยส์วิตตองให้ เนื่องจากหลวงปู่เณรคำอยากได้จริง และตนเคยคิดจะทำพินัยกรรมยกสมบัติให้หลวงปู่เณรคำ นางสุนันทา กล่าวทางโทรศัพท์อีกว่า เมื่อเขาเรียกเราว่าแม่ และเมื่อรู้ว่าลูกของตนกำลังหลอกลวงชาวบ้าน ก็สมควรออกมาพูดเรื่องจริง สังคมก็จะได้เชื่อมั่นและเชื่อว่าหลวงปู่เณรคำมันลวงโลก ที่สำคัญวันนี้คนของหลวงปู่เณรคำให้ร้ายคนที่มันเรียกว่าแม่ โดยกล่าวหาว่าโยมแม่หลวงปู่เณรคำ (นางสุนันทา) เป็นคนเก็บเงิน เอาเงินไปหมด และที่ว่าเป็นคนจัดคิวสาวๆ ให้หลวงปู่เณรคำนั้น ก็ไม่ใช่แบบนั้น เป็นเพียงจัดระบบการเข้าพบและถวายสิ่งของเท่านั้น
    ด้าน หลวงปู่พุทธอิสระ กล่าวว่า หลวงปู่เณรคำที่คนรู้จักนั้น สำหรับอาตมามันไม่ได้เป็นพระตั้งแต่มันบอกว่ามันเป็น “อรหันต์” แล้ว และอยากให้นางสุนันทา ออกมาปกป้องพระศาสนา อย่าไปช่วยเหลือหรือช่วยปกปิดความผิดให้มารศาสนา และที่อาตมาออกมาท้าชนกับพวกมารศาสนา ก็ไม่กลัวโดนย้อนศร ย้อนดูอดีตหลวงปู่เณรคำ ว่าเมื่อก่อนมันมีอะไร นาก็ยังต้องเช่าเขาทำ เดี๋ยวนี้มีมากมาย ทั้งบ้าน คฤหาสน์ รถหรู เครื่องบิน และเฮลิคอปเตอร์ มาจากไหน วันนี้ไม่ต้องไปตรวจสอบอะไรหรอก มันไม่มีอะไรเหลือไว้ให้ตรวจสอบแล้ว ที่มันไม่สร้างวัดเพราะไม่ต้องการถูกตรวจสอบ ฉะนั้นมันคงไม่ทิ้งหลักฐานไว้แน่นอน
    ล่าสุดคนในครอบครัวนางสุนันทา ออกมาปฏิเสธข้อมูลทั้งหมด พร้อมระบุว่าจากนี้ไปจะไม่ขอออกมาให้ข่าวหรือตอบโต้ใดๆ เพราะไม่ต้องการให้เรื่องปานปลายเสื่อมเสียต่อพุทธศาสนา
    ที่มา : http://tnews.teenee.com/etc/97091.html
    http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9560000063612

  18. Rattanaporn Pinta พูดว่า:

    พวกขี้เซาระวัง!นอนมากเสี่ยงสมองเสื่อม (ไอเอ็นเอ็น)
    คนที่นอนมากกว่า 8 ชั่วโมง/วันเสี่ยงสมองเสื่อมอัลไซเมอร์เพิ่ม 2 เท่า อันตรายนี้พบในคนที่นอนตื่นสายและนอนตอนบ่ายเช่นกัน
    กลไกเรื่องนี้ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด ทว่า… อาจเป็นไปได้ว่า การนอนมากอาจะเป็นอาการแสดงเริ่มแรกของกลุ่มโรคสมองเสื่อม และโรคซึมเศร้า ซึ่งเพิ่มเสี่ยงสมองเสื่อม
    UK ซึ่งมีประชากรพอ ๆ กับไทย มีคนไข้โรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ 750,000 ราย และคาดว่า จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากปริมาณคนสูงอายุมีเพิ่มขึ้น
    นักวิจัยจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแมดริด สเปน ทำการศึกษากลุ่มตัวอย่างอายุ 65 ปีขึ้นไป 3,286 คน ติดตามไปนานกว่า 3 ปี กลไกที่ทำให้เกิดโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด ทว่า… พบมีตะกอนพิษ (plaques & tangles) สะสมในสมอง ทำให้เกิดการอักเสบ การใช้สมองเป็นประจำ เช่น การอ่าน-เขียน ใช้มือสองข้างทำงาน เล่นเกมส์ ฯลฯ
    การศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า กินอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งหนักผลไม้ทั้งผล (น้ำผลไม้ปั่นรวมกากใช้ได้ แต่ไม่ใช่น้ำผลไม้กรองกาก), ผัก, ปลาทะเลที่ไม่ผ่านการทอด, ถั่วเปลือกแข็งกระเทาะเปลือก เช่น อัลมอนด์ ฯลฯ ลดเสี่ยงโรคได้ 80%
    อาหารไทยมีลักษณะคล้ายอาหารเมดิเตอร์เรเนียนอยู่แล้ว ขอเพียงเปลี่ยนข้าวขาวเป็นข้าวกล้อง, เปลี่ยนขนมปังขาวเป็นโฮลวีท (เติมรำ), ใช้น้ำมันมะกอกทำสลัด, ใช้น้ำมันชนิดดีมาก (รำข้าว ถั่วลิสง คาโนลา เมล็ดชา) ผัด-ทอด, ลดกะทิ ไม่ใช้น้ำมันปาล์ม-มะพร้าว, ลดขนม-เบเกอรี่หน่อยจะคล้ายกันมาก
    การศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า การนอนมากเกินเพิ่มเสี่ยงเบาหวานชนิด 2 ซึ่งพบมากในเด็กอ้วนและผู้ใหญ่
    จากhttp://health.kapook.com/view3168.html

  19. Napatsawan Yamloei พูดว่า:

    “ชินภัทร” ลั่นหมดเวลาปรับโครงสร้าง ไม่เห็นด้วยมัธยมขอแยก

    “ชินภัทร” ค้านแยกมัธยมหมดเวลาปรับโครงสร้าง แต่ควรเร่งพัฒนาวิชาการ ชี้ทั้งประถม-มัธยม ควรอยู่ร่วมกันเกิดพลังในการขับเคลื่อนดีกว่าแยกกัน ยันการเกษียณอายุราชการเป็นวิถีปกติ คนรุ่นใหม่มาทำงานก็ต้องสานต่อไม่ได้ให้เกิดปัญหาขาดช่วงของผู้เชี่ยวชาญมัธยมอย่างที่คิด

    นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยถึงกรณีที่กลุ่มผู้แทนองค์กรจากการมัธยมศึกษา 13 แห่ง รวมกว่า 100 คน อาทิ สมาคมผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาประเทศไทย, สมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย ฯลฯ เข้าพบนายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ เมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อยื่นข้อเสนอให้มีการปรับโครงสร้างสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยแยกงานมัธยมศึกษาออกมาเป็นองค์กรหลักอีกองค์กรหนึ่ง เนื่องจากคนมัธยมที่อยู่ใน สพฐ.ขณะนี้เกษียณอายุไปหมดแล้ว ทำให้ไม่มีคนเข้าใจมัธยมศึกษา และส่งผลการเรียนของเด็กมัธยมศึกษาต่ำลง ว่า เป็นสิทธิ์ของผู้แทนองค์กรต่างๆ ที่สามารถยื่นข้อเสนอได้ แต่ขอให้ข้อมูลที่เสนอมาจากฐานการคิดวิเคราะห์ วิจัย ประเมินที่ชี้ให้เห็นถึงข้อดี ข้อเสียก่อน และควรจะเป็นข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมด้วย เพราะการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษแรก เราเสียเวลาค่อนข้างมาในการปฏิรูปโครงสร้าง และตอนนี้กำลังมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องการปฏิรูปหลักสูตร เพราะฉะนั้น ควรจะให้ความสำคัญ ทุ่มเทไปในเรื่องการพัฒนาวิชาการมากกว่าและในทางปฎิบัตินั้น ตอนนี้แม้จะไม่มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง แต่กลไกในการทำงานก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้

ส่งความเห็นที่ kruekkaluck ยกเลิกการตอบ